Forever Knowledge.
วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559. LM6004 : Supply Chain Management.
Supply Chain Management. สรุปคาปที่แล้ว P&G มีการปรับ Reengineering โดยใช้ EDI เข้ามาช่วย ซึ่งจะเห็น Stock สินค้าของ ผู้ขายโดยตรง ซึ่งสามารถใช้ระบบ Pulling ได้ นอกจากจะได้ประโยชน์ทางด้าน แชร์ข้อมูลแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่อง ลักษณะการสั่ง จะสม่ำเสมอมากขึ้น ถี่ขึ้น (ไม่ใช่พอมี Promotion ที สั่งทีเดียว ทีละเยอะๆ) แต่ส่วนที่ต้องพิจารณา คือเรื่อง Pricing Structure เพราะเมื่อก่อนสั่งทีละเยอะๆ มันก็จะมี Economic of scale (ซื้อทีละคันรถ ถูกกระตุ้นด้วย Campaign ราคา) จึงต้องมีข้อตกลงในเรื่องของการแบ่งเงิน จะแบ่งอย่างไร ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าจะลงตัวเรื่องราคา เพราะฉะนั้นในแต่ละปี P&G กับ Walmart จะมีการเสนอราคาแบบตกลงต่อรองกันเป็นปี. จะเห็นว่า การปรับเปลี่ยนระบบ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ดังนั้น Pricing Structure เริ่มจาก น้ำยาล้างจาน จากนั้นก็ขยายไปทุกๆ Product ถึงแม้ว่า จำนวนที่จะขายได้เท่าเดิม แต่ Profit ทั้ง 2 ฝั่งดีขึ้น เพราะถ้า Stabilize ราคาขายได้เท่าไหร่ การจัดการ Inventories ได้ดีขึ้น.

Ordering Process จากเดิม Walmart สั่งเอง เปลี่ยนเป็นเปิดข้อมูลให้ P&G แล้ว P&G ส่งของ แล้ว Billing ตามหลัง ส่งผลให้ Cash Cycle (กระชับขึ้น) สั้นลง เงินทุนหมุนเวียนในระบบ ลดลง. P&G ก็จะเริ่มเปลี่ยน จากเดิมขายตาม Brand เปลี่ยนเป็นขาย ตาม Category แทน เช่น สบู่ แชมพู ก็จะมีหลาย ตราสินค้า ซึ่งเป็นคู่แข่งกันเอง Internal ของ P&G เองก็คุมไม่ได้ ซึ่งแข่งกันเองแบบตัดราคา ในภาพรวม ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ พอเห็นข้อมูลจริงจาก Walmart ว่าลูกค้าซื้ออะไร เห็นยอดซื้อชัดเจน ไม่ต้องโดนถูกหลอกอีก (ไม่ต้องมาดูว่า Walmart สั่งอะไร เพราะ พนง. มันรอแต่ Promotion กลายเป็น มองเห็นโดยตรงว่าลูกค้าซื้ออะไร) ตกลง แบรนไหน Weak แบรนไหน Strong ร้านไหน ขาย อะไรได้ดีกว่า ถ้าเรารู้ว่า Brand นี้ ขายได้ดีในกลุ่มนี้ ประกอบกับ ข้อมูลประชากร ประกอบกันเข้ามา เราจะสามารถสร้าง ผลิตภัณฑ์ + Marketing Strategy ได้ดีมากขึ้น P&G จึงเริ่มมีระดับที่เป็น Category Manager คุมการขายสินค้าของทุกแบรนด์ (คุม ฺBrand Managerอีกที) Manufacturing and planing improvement P&G เหนข้อมูลยอดขายจริง ทำให้ P&G เห็นว่าพอควบคุมจัดการการขายได้ง่าย ว่า Demand เกิดขึ้นจริงๆ อย่าไรเท่าไหร่ การวางแผนผลิต ทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะผลิตมาแล้วกองเก็บ ไว้ใน Warehouse. ทุกวันนี้จึงเป็นต้นแบบ ของ Efficient Consumer Response (ECR) Efficient Consumer Response (ECR) Continuous Replenishment Program (CRP) Vendor Managed Inventory (VMI) Just In Time Delivery (JITD) Supply Chain Operation Reference Model (Score Model) Collaborative Planing, Forecasting, and Replenishment (ซีฟเฟอ) Manufacture-> กระจาย -> Customer. จึงมีการสร้างคำเพื่อไม่ให้สับสน ว่าเรากำลังพูดถึงจุดไหนใน SP (ไม่สำคัญมากนัก) Manufacturer -> สั่งของจาก Supplier . Procurement :: จัดหา Raw Mat Manufacturer -> Distributor . Manufacturing Distributor -> Retailer :: Replenishment Retailer -> Customer :: Customer Order. Push Pull Concept of SP Pull (ดึง) : คือการที่เราทำงานใดๆ ที่มาจากความต้องการสินค้าที่เกิดขึ้น Push (ดัน/ผลัก) : คือ การที่เราทำงานจากการ เดาของเราเอง (ทำงานจากข้อมูลที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง) ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมี Portion ทั้ง Push และ Pull เช่น DELL : Push ที่ Procurement / Compaq : Push ถึง Replenishment. Push ข้อดี วางแผนได้ล่วงหน้า ต้นทุนต่ำ (Optimization = Efficient) ข้อเสีย ตอบสนองกับความไม่แน่นอนได้ยาก (Effectiveness ต่ำ) Pull ข้อดี ตอบสนองความต้องการแม่นยำ ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายสูง. ความท้าทาย คือ Push แล้ว Responsive ได้ยังไง Pull แล้วยัง Efficient ได้ยังไง เราต้องสร้างให้เห็น จากเทคนิคที่ได้เรียนมาทั้งหมด. การตัดสินใจ Decision - Supply Chain Design (3Y +) กำหนด รูปแบบ ล่วงหน้าเป็นเวลานาน ( Design Facilities) เราจะมี Fac อะไร เพื่อ Serv market + Geo graphic ซึ่งเปลี่ยนบ่อยยาก เราจึงไม่ค่อยอยากจะลงทุนเอง. - Supply Chain planning (1Y) ปีต่อปี - Supply Chain Operation (Daily or Weekly) Planned Short Term.
Комментариев нет:
Отправить комментарий